วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การเชื่อมแก๊ส

การเชื่อมด้วยแก็สออกซิอะเซทิลีน
2.1 ความหมายของการเชื่อมแก็ส การเชื่อมแก็ส หมายถึง การทำให้โลหะหลอมละลายติดกัน โดยอาศัยความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ของก๊าซเชื้อเพลิงและออกซิเจน ในการหลอมละลายติดกันของโลหะนั้นจะเติมโลหะหรือให้โลหะหลอมละลายติดกันเองได้
2.2 ชนิดของเปลวไฟ 2.2.1 เปลวไฟคาร์บูไรซิ่งเฟรม เกิดจากส่วนผสมของแก๊สอะเซทิลีนในปริมาณที่มากกว่าแก๊สออกซิเจน 2 เท่า หรือในอัตรา 2:1 ให้ความร้อนประมาณ 3000 C โดยลักษณะเปลวไฟยาว 3 ชั้น ชั้นนอกเป็นกรวยพุ่งยาวสีส้มอ่อน กรวยชั้นที่ 2 สีฟ้าและชั้นที่ 3 สีขาว 2.2.2 เปลวนิวทรัลเฟรม เกิดจากส่วนผสมของแก็สอะเซทิลีนและออกซิเจนในปริมาณเท่ากันคือ อัตรา 1:1 ให้ความร้อนประมาณ 3200 C ลักษณะเปลวไฟ เปลวจะสั้นกว่าเปลวคาร์บูไรซิ่งเฟรม มี 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นกรวยสีฟ้า ชั้นในเป็นกรวยแหลมสีขาว เป็นเปลวไฟที่ใช้กันมาก เพราะสามารถเชื่อมโลหะได้หลายชนิด เช่น เหล็กเหนียว เหล็กหล่อ เงิน ทองแดง 2.2.3 เปลวออกซิไดซิ่งเฟรม เกิดจากส่วนผสมของแก๊สออกซิเจนในปริมาณที่มากกว่าแก๊สอะเซทิลีน 2 หรือในอัตรา 2:1 ให้ความร้อนมากที่สุดคือ 3400 C ลักษณะเปลวไฟจะสั้นกว่าเปลวกลาง กรวยใน 2 ชั้นเหมาะสำหรับการเชื่อมเหล็กหล่อ
2.3 ลวดเชื่อมแก๊ส ในการเชื่อมแก๊สนั้น ในบางครั้งไม่จำเป็นต้องเติมลวดเชื่อมเช่น การต่อมุม ต่อขอบ หากลักษณะรอยต่อนอกเหนือจากที่กล่าวมา ต้องเติมลวดเชื่อม ลวดเชื่อมแก็สโดยทั่วไปจะมีขนาด 2.6 มม. และ 3.2มมยาว36 นิ้ว - ลวดเชื่อมที่เป็นเหล็ก จะเคลือบด้วยทองแดงเพื่อป้องกันสนิม จะใช้สำหรับการเชื่อมโลหะที่เป็นเหล็กแผ่นหรือท่อ - ลวดเชื่อมที่ไม่ใช่เหล็ก จะใช้สำหรับเชื่อมโลหะอื่นที่ไม่ใช่เหล็ก เช่น โลหะผสมโครเมียมนิเกิลจะใช้ลวดเชื่อมทองเหลืองใช้ฟลั๊กซ์ช่วยในการเชื่อม อลูมิเนียม
2.4 ฟลั๊กซ์ ฟลั๊กซ์ คือ ตัวที่ช่วยป้องกันไม่ให้ออกซิเจนในอากาศรวมตัวกับแนวเชื่อมในขณะเชื่อม ซึ่งจะทำให้คุณภาพในการเชื่อมลดลง เช่น ความแข็งแรงต่ำ เกิดการกัดกร่อนง่ายเนื่องจากออกซิเจนในอากาศรวมตัวกับแนวเชื่อม ทำให้เกิดสนิมในที่สุดและที่สำคัญ ช่วยทำให้การเชื่อมได้ง่ายขึ้น การใช้งานทำได้โดยนำลวดเชื่อมมาเคลื่อบฟล็กซ์ อาจใช้วิธีทำ หรือของเหลวแล้วแต่ลักษณะงานและความเหมาะสม

อาหารหลัก 5 หมู่

หมู่ที่ 1 นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้งและงา นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้งและงา เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี สามารถนำไปเสริมสร้าง ร่างกายให้เจริญเติบโตและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เสื่อมให้อยู่ในสภาพปกติ
ในวัยเด็ก จำเป็นอย่างนิ่งที่ต้องได้รับโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ และมีคุณภาพที่ดี วัยผู้ใหญ่ ควรเลือกกินโปรตีนที่สามารถย่อยง่ายและมีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลาและเพื่อไม่ให้ ่เบื่ออาหาร ควรกินสลับกับถั่วเมล็ดแห้งบ้าง ทำให้เกิดความหลากหลายในชนิดอาหาร

หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล
ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล มีสารอาหารคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งอาหารสำคัญที่ให้พลังงาน ข้าวกล้องและข้าวซ้อมมือมีใยอาหาร วิตามินและ แร่ธาตุ เพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์มากที่สุด ควรกินสลับกับ ผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืชอื่น ที่ให้พลังงานเช่นเดียวกับข้าว ได้แก่ก๋วยเตี่ยว ขนมจีน บะหมี่ วุ้นเส้น หรือแป้งต่างๆ และไม่ควรกินมากเกินความต้องการเพราะอาหารประเภทนี้จะถูกเปลี่ยนและ เก็บสะสมไว้ในรูปของไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดโรคอ้วน

หมู่ที่ 3 ผักต่างๆ
อาหารหมู่นี้ จะให้วิตามินและเกลือแร่แก่ร่างกายช่วยเสริมสร้างทำให้้ร่างกายแข็งแรงมีแรงต้านทานเชื้อโรคและช่วยให้อวัยวะต่างๆทำงานได้อย่างเป็นปกติ อาหารที่สำคัญของหมู่นี้ คือ ผักต่างๆ เช่นตำลึง ผักบุ้ง ผักกาดและผักใบเขียวอื่นๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงพืชผักอื่นๆ เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วฝักยาว เป็นต้น นอกจากนั้น อาหารหมู่นี้จะมีกากอาหารที่ถูกขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระทำให้ลำไส้้ทำงานเป็นปกติ
หมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ
ผลไม้ต่างๆ จะให้วิตามินและเกลือแร่ ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงต้านทานโรคและมีกากอาหารช่วยทำให้การขับถ่ายของลำไส้เป็นปกติ อาหารที่สำคํญ ได้แก่ ผลไม้ต่างๆ เช่น กล้วย มะละกอ ส้มมังคุด ลำไย เป็นต้น

หมู่ที่ 5 ไขมันและน้ำมัน
ไขมันและน้ำมัน จะให้สารอาหารประเภทไขมันมาก จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตร่างกายจะสะสมพลังงานที่ได้ไว้ใต้ผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณสะโพก ต้นขา เป็นต้น ไขมันที่สะสมไว้เหล่านี้จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและให้พลังงานที่สะสมไว้ใช้ในเวลาที่จำเป็นระยะยาว อาหารที่สำคัญ ได้แก่ - ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู รวมทั้้งไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสัตว์ต่างๆด้วย - ไขมันที่ได้จากพืช เข่น กะทิ น้ำมันรำ น้ำนมถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้…กับกรุ๊ปเลือด

ทราบหรือไม่ครับว่าการเลือกรับประทานอาหารต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ หลายอย่าง เพื่อที่จะทำให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง แต่มีปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือการเลือกรับประทานอาหารให้สัมพันธ์กันกับกรุ๊ปเลือดของแต่ละคนด้วย หลายคนคงแปลกใจ และตั้งคำถามขึ้นในใจว่าเกี่ยวด้วยหรือ ลองมาดูกันครับว่าเลือดกรุ๊ปไหนจะเหมาะสมกับอาหารชนิดไหน
กรุ๊ป A คนที่มีเลือดกรุ๊ป เอ จะอ่อนไหวต่อการเป็นมะเร็งได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่น เพราะฉะนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงต้องหมั่นไปตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ
สำหรับคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้เคยสังเกตตัวเองหลังดื่มนมบ้างหรือเปล่า เพราะคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้เวลาทานนมเข้าไปแล้วจะมีอาการท้องอืดแน่นเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของเลือดกรุ๊ป A จะทำปฏิกิริยากับนม เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวก ข้าวสาลี เนื้อติดมัน นม เป็นพิเศษ
ส่วนอาหารที่ควรรับประทานนั้นได้แก่อาหารจำพวกผักใบเขียว ใบเหลือง รวมทั้งธัญพืชและถั่วต่าง ๆ ยิ่งถ้าทานเข้าไปในปริมาณมาก ๆ ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพ
กรุ๊ป B พวกที่อยู่ในเลือดกรุ๊ปนี้ถือเป็นเลือดที่กำเนิดขึ้นมาเป็นอันดับสามของมนุษย์ ว่ากันว่าเลือด กรุ๊ปนี้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อคนเรารู้จักเลี้ยงสัตว์ที่ให้นม คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงสามารถรับประทานนมได้โดยไม่มีอาการเรอเหม็นเปี้ยวเหมือนกับเลือดกรุ๊ป A
นอกจากนมแล้ว อาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้แก่ เนื้อกวาง เนื้อกระต่าย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาก แต่ควรหลีกเลี่ยงเนื้อไก่
กรุ๊ป O เลือดกรุ๊ปนี้ถือว่าเป็นเลือดกรุ๊ปแรกที่เกิดขึ้น ดังนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดีมาก การเลือกรับประทานอาหารควรเลือกที่จะรับประทานเนื้อสัตว์ ได้แก่ เป็ด ไก่ ปลา (ยกเว้นหมู) และควรรับประทานผักผลไม้มาก ๆ เนื่องจากคนสมัยโบราณมักจะหากินเนื้อสัตว์ ไม่ได้กินนม เพราะฉะนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงควรหลีกเลี่ยงนม เพราะถ้าดื่มนมมีแนวโน้มว่าจะทำให้แผลเน่าเปื่อย หรือเกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่น
กรุ๊ป AB เป็นเลือดกรุ๊ปสุดท้ายที่เกิดขึ้นในมนุษย์เรา คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้มีเพียงแค่ 2 % เท่านั้นเอง คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะมีลักษณะคล้าย ๆ คนเลือดกรุ๊ป B คือระบบการย่อยอาหารนั้นมักจะมีกรดเกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่ ดังนั้นการเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ควรเลือกรับประทานในปริมาณที่น้อย และอย่าบ่อยจนเกินไป อาจสังเกตได้ถ้ามีอาการเรอบ่อยครั้ง
เป็นอย่างไรบ้างครับ การรับประทานอาหารที่ไม่ตรงตามกรุ๊ปเลือด หลายท่านมีปัญหา หรือมีอาการอย่างที่บอกบ้างหรือเปล่าครับ เพราะฉะนั้นเลือดกรุ๊ปไหนก็ควรเลือกรับประทานอาหารให้ถูกต้องนะครับ และอย่าลืมรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สดและถูกสุขอนามัยด้วยนะครับ ฉบับหน้า"สาระน่ารู้"จะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องคอยติดตามนะครับ
ที่มา - หนังสือพิมพ์นครเชียงราย ปีที่13 ฉบับที่14 ประจำวันที่ 11-20 พฤษภาคม พ.ศ.2545 หน้า 8